วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เสือตอ

 tigerfish4
ปลาเสือตอ เป็นปลาสวยงามที่นักเลี้ยงปลารู้จักกันเป็นอย่างดีในนาม "Siamese Tigerfish" โดยมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "Coius Microlepis" โดยสามารถพบปลาชนิดนี้ในประเทศทางแถบร้อนเช่น อินโดนีเซีย ไทย พม่า เขมร แต่ในปัจจุบันพบได้น้อยตัวเต็มที ปลาเสือตอเป็นปลาที่มีลำตัวเล็กแบนข้าง มีทรวดทรงป้อมสั้น แนวสันหลังโค้ง ลำตัวมีสีครีมออกเหลืองและชมพู โดยมีแถบดำใหญ่พาดขวางลำตัวประมาณ 6 แถบ เมื่อโตเต็มที่ จะมีความยาวได้ถึงประมาณ 40 ซ.ม. การกินอาหารของปลาเสือตอ มักจะกินเฉพาะอาหารที่มีชีวิตและเคลื่อนไหวได้เท่านั้น ยากที่จะฝึกให้สามารถกินอาหารเม็ดได้ ปลาเสือตอที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 3 สายพันธุ์ เป็นสายพันธุ์น้ำจืด 2 สายพันธุ์และสายพันธุ์น้ำกร่อย 1 สายพันธุ์ เนื่องจากเป็นปลาที่ชอบอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำที่มีตอไม้ จึงได้มีชื่อเรียกว่า "ปลาเสือตอ"
ปลาเสือตอลายใหญ่
ปลาเสือตอลายใหญ่ ( Coius microlepis) ลายพาดขวางสีดำมีขนาด  ใหญ่ พื้นที่ของเส้นดำกลางลำตัวจะกว้างพอๆกับส่วนของสีพื้นซึ่งเป็นสีอ่อน และยังมี  ความแตกต่างกับปลาเสือตอลายเล็กตรงที่ลายพาดสีดำจะพาดผ่านแผ่นปิดเหงือก  ไปยังโคนครีบหูโดยจะอ้อมรอบลำคอทางด้านล่างของลำตัว นอกจากนี้ความลึกของ  ลำตัวยังมากกว่าอีกด้วย ในปัจจุบันคาดว่าปลาเสือตอลายใหญ่สูญหายไปจากแม่น้ำ  ในประเทศไทยแล้ว ส่วนปลาที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่มาจากการนำเข้าจาก  ต่างประเทศเกือบทั้งหมด เช่น กัมพูชา และเวียดนาม
tigerfish1
ปลาเสือตอลายเล็ก
ปลาเสือตอลายเล็ก (Coius undecimradiatus) เป็นสายพันธุ์ที่มีลาย ดำพาดขวางแต่ละเส้นมีขนาดเล็ก โดยเล็กกว่าชนิดลายใหญ่ประมาณครึ่งหนึ่งหรือ มากกว่านั้น และลายพาดสีดำดังกล่าวจะพาดผ่านแผ่นปิดเหงือกแล้วไปสิ้นสุดที่โคน ครีบหู แต่ไม่อ้อมรอบลำคอ ปลาเสือตอลายเล็กนี้จะเป็นชนิดที่พบได้โดยทั่วไปใน ประเทศไทย
tigerfish2
อุปนิสัยของปลาเสือตอ สาเหตุที่ได้ชื่อว่า "ปลาเสือตอ" เนื่องจากเป็นปลาที่ชอบอาศัยหลบอยู่ตามตอไม้ ต้นน้ำ หรือก้อนหินใต้น้ำ แต่จะไม่ชอบที่ที่มีพรรณไม้น้ำขึ้นเยอะๆ มักจะชอบแฝงตัวอยู่อย่างเงียบๆคอยซุ่มจับเหยื่อ ตามธรรมชาติปลาเสือตอชอบหากินอยู่ในระดับน้ำ ลึกประมาณ 2-3 เมตร ปลาเสือตอจัดเป็นปลาประเภทกินเนื้อ ดังนั้นเหยื่อของมันจึง เป็นพวกปลาเล็ก และกุ้ง การกินของมันทำโดยการพุ่งเข้าฮุบเหยื่ออย่างว่องไว ชอบ หากินในเวลากลางคืน ขณะที่กินอาหารนั้นตัวปลาจะมีสีสดใส และมักจะกางหนาม ของครีบหลังตั้งขึ้น ปลาเสือตอจะมีประสาทตาที่ไว คอยระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอ มี นิสัยรักความสงบ เลี้ยงเชื่อง ไม่ก้าวร้าวถ้าไม่ถูกรังแก ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง สามารถเลี้ยงรวมกันได้หลายๆตัว หรืออาจเลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่นๆที่มีขนาดใกล้ เคียงกันก็ได้ แต่ปกติแล้วปลาชนิดนี้จะมีนิสัยไม่ชอบอยู่รวมกับปลาชนิดอื่น
เทคนิคและวิธีการเลี้ยงปลาเสือตอ ปลาเสือตอถือว่าได้รับความนิยมติดอันดับต้นๆของปลาสวยงามที่นักเลี้ยงปลาให้ความสนใจ เนื่องจากมีความสวยงามน่ารักโดดเด่น เลี้ยงง่าย ผู้เลี้ยงปลาสวยงามมัก นิยมเลี้ยงปลาเสือตอรวมกับปลาอะโรวาน่า โดยเชื่อกันว่าปลาอะโรวาน่าจะเปรียบ  เสมือนมังกรที่แหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้า และปลาเสือตอเปรียบเสมือนเสือที่คอยคุ้ม ครองโลกมนุษย์ การเลี้ยงส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบการเลี้ยงในตู้กระจก ขนาดของตู้ กระจก ถ้าเลี้ยงเฉพาะปลาเสือตอไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่มากนัก เพราะปลาเสือตอ เป็นปลาที่ชอบหลบอยู่ตามซอกหินหรือกองไม้ ไม่ชอบออกมาว่ายน้ำตลอดเวลา แต่ก็ ต้องดูความเหมาะสมระหว่างจำนวนปลาและขนาดของตู้ ไม่ควรให้แคบจนเกินไป ควรจัดตู้ให้มีที่หลบซ่อน เช่น จัดให้ถ้ำ หรือกองไม้ใต้น้ำ และควรปลูกไม้น้ำให้มีความ หนาแน่นพอสมควร น้ำที่ใช้เลี้ยงควรเป็นน้ำเก่า มีความเป็นกรดอ่อนๆ หรือ pH ไม่ควรเกิน 7 อุณหภูมิน้ำอยู่ในช่วง 22-30 C จัดระบบกรองน้ำให้ดี ส่วนการให้อาหาร เนื่องจากปลาเสือตอมีนิสัยชอบกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร ดังนั้นปลาขนาดเล็ก ควรให้ลูกน้ำหรืออาร์ทีเมีย แต่ถ้าเป็นปลาขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ให้กุ้งฝอยหรือลูกปลาที่ เพาะได้ใหม่ๆ ปลาที่เลี้ยงจนคุ้นเคยแล้วเราสามารถฝึกให้กินอาหารพวก เนื้อกุ้ง เนื้อ ปลา หรือเนื้อสัตว์อื่นๆได้โดยต้องทำการฝึกแบบค่อยเป็นค่อยไป 
tigerfish3
การเพาะเลี้ยงและอนุบาลปลาเสือตอ การเพาะเลี้ยงปลาเสือตอในขั้นตอนแรกนั้นจะต้องทำการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ปลา ซึ่งก่อนอื่นต้องทำการแยกเพศปลาให้ได้เสียก่อน การสังเกตดูเพศโดยดูลักษณะรูป  ร่างภายนอกนั้น ถ้าเป็นเพศผู้จะมีลักษณะลำตัวเรียวยาวและเล็กกว่า ขนาดตัวโตเต็ม วัยจะมีน้ำหนักประมาณ 300-400 กรัม ซึ่งสามารถนำมาเป็นพ่อพันธุ์ได้ ส่วนเพศ เมียลำตัวจะมีลักษณะป้อมหรือกลม วัยเจริญพันธุ์จะมีน้ำหนักประมาณ 800 กรัม ปลาเพศเมียเมื่อพร้อมที่จะผสมพันธุ์ จะสังเกตเห็นท่อนำไข่ยื่นออกมาอย่างชัดเจน  การปล่อยพ่อแม่พันธุ์ให้ผสมพันธุ์กัน อาจจะปล่อยในอัตราส่วนปลาเพศผู้มากกว่า ปลาเพศเมีย หรือในอัตราส่วน 1: 1 ก็ได้ การเพาะเลี้ยงอาจทำในบ่อซีเมนต์ ปลาเสือ ตอส่วนใหญ่จะผสมพันธุ์ในเวลากลางคืน เมื่อปลาเสือตอผสมพันธุ์และวางไข่แล้ว จะเห็นไข่ของปลาเสือตอ ซึ่งมีลักษณะเป็นไข่ประเภทลอยน้ำ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 0.8 มม. ไข่ที่ได้รับการผสมจะมีสีค่อนข้างใสอมเหลืองเล็กน้อย มีหยด น้ำมันอยู่ภายในและมีลักษณะเป็นประกายสะท้อนแสง ไข่จะลอยอยู่ในระดับผิวน้ำถึงกลางน้ำ ส่วนไข่ที่ไม่ได้รับการผสม จะมีลักษณะค่อนข้างขาวขุ่นทึบแสง และลอยอยู่ ระดับผิวน้ำ ควรแยกไข่ที่ไม่ได้รับการผสมออก ไข่ที่ได้รับการผสมจะฟักออกเป็นตัว ภายในระยะเวลา 15-17 ชั่วโมง ในอุณหภูมิน้ำประมาณ 28-29 C ลักษณะของลูกปลาที่ฟักออกใหม่ๆจะใสและเรียวยาว ถุงอาหารจะยุบหมดภายในระยะเวลา 2-3 วัน อาหารของลูกปลาในระยะนี้ได้แก่ พวกอาหารมีชีวิต เช่น โรติเฟอร์ ไรแดง หรือพวกไข่แดงต้มสุกบดละเอียด เมื่อลูกปลาอายุประมาณ 3 อาทิตย์หรือเลี้ยงอนุบาลจน ลูกปลามีขนาดประมาณ 3 cm เปลี่ยนอาหารให้เป็นพวกลูกปลาที่เพาะได้ใหม่ๆ เช่น  ลูกปลาตะเพียน ส่วนพ่อแม่พันธุ์นั้นหลังจากที่ผสมพันธุ์และวางไข่แล้ว ควรเอาไปพักฟื้น แยกเอาไปไว้ในบ่ออื่น เพราะปลายังอ่อนเพลียอยู่ เมื่อเลี้ยงปลาเสือตอจนได้ ขนาดตามต้องการแล้ว สามารถนำไปจำหน่าย แยกเลี้ยงเพื่อความสวยงามหรือจะนำ ไปเลี้ยงเพื่อเพาะขยายพันธุ์ได้ตามต้องการ

โรคที่พบในปลาเสือตอและการรักษา ปลาเสือตอที่เป็นโรคจะแสดงความไม่สบายและเจ็บป่วยออกมาทางสีของลำตัว คือปลาจะมีสีคล้ำขึ้น โรคที่พบในปลาเสือตอส่วนใหญ่เกิดจากปรสิตที่มีอยู่แล้วในปลา เสือตอที่มาจากธรรมชาติ ได้แก่ โรคฝีตามลำตัว ซึ่งจะมีลักษณะเป็นตุ่มบวมใหญ่ ออกจากผิวหนังตามลำตัว การรักษาควรแยกปลาที่ป่วยออกจากตู้มาเลี้ยงในตู้อื่น  แล้วให้อากาศอย่างเพียงพอ ระบบกรองน้ำต้องดี ให้อดอาหารประมาณ 2-3 วัน แล้วใช้ยาปฏิชีวนะผสมกับอาหารให้กินวันละครั้งประมาณ 3 ครั้ง ส่วนอีกโรคที่พบบ่อยก็คือ โรคจุดขาว ซึ่งเกิดจากเชื้ออิ๊ค การรักษาทำได้โดยใช้ยารักษาโรคอิ๊ค ซึ่งมีขายอยู่ทั่วไปในท้องตลาดและควรปฏิบัติตามวิธีใช้อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ยังมีโรคครีบเปื่อย หางเปื่อย และตาฝ้าขาว ซึ่งทั้งหมดเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย อาการของโรคคือ ครีบหางเปื่อยหลุดหายไป บางทีจะเห็นเป็นเชื้อราขึ้นเป็นสีขาว การรักษาทำโดย ใช้ยาเหลือง (Acriflavine) 1 ช้อนชาละลายในน้ำ 1 ลิตร สามารถเก็บในขวดสีชาเป็นstock ใช้ได้หลายครั้ง โดยตักมา 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 5 ลิตร แช่ปลาไว้ ทุกวันจนปลาหาย และจะต้องเปลี่ยนน้ำทุกวัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น