ปลาปอมปาดัวร์ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ปลาดิสคัส ซึ่งมีชื่อเสียงเรียงนามในทางวิทยาศาสตร์ว่า Symphysodon
ชื่อสามัญก็คือ Discus ปลาปอมปาดัวร์จะมีลักษณะรูปร่าง ทรงกลม ลำตัวแบน ลำตัวมีความกว้างมาก ครีบหลังและครีบท้องเรียงเป็นแถวยาวจนถึงโคนครีบหาง มีลวดหลายและสีสันที่หลากหลาย ต่างกันไปตามสายพันธุ์ ปลาปอมปาดัวร์เป็นที่นิยมของทั้งผู้เลี้ยงและนักเพาะพันธุ์ปลาสวยงาม เพราะเมื่อนิยมเลี้ยง ราคาของปลาก็จะดี
โดยธรรมชาติของปลาปอมปาดัวร์เลี้ยงค่อนข้างยาก ทำให้ผู้เลี้ยงมือใหม่ มักจะเลี้ยงไม่สำเร็จ ดังนั้นก็ที่จะทำการเลี้ยงปลาปอมปาดัวร์ควรศึกษาวิธีเลี้ยงให้ดีก่อน เพื่อที่ปลาจะได้ไม่ตาย โดยสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอันดับแรกในการเลี้ยงปลาปอมปาดัวร์ก็คือ สถานที่ที่จะนำปลาปอมปาดัวร์มาเลี้ยง โดยจะประกอบไปด้วย
ตู้ปลา ในเรื่องของขนาดตู้ก็จะขึ้นอยู่กับจำนวนของปลา ยิ่งเลี้ยงปลาปอมปาดัวร์จำนวนมากก็ยิ่งต้องใช้ตู้ใหญ่ และในการตั้งตู้นั้นควรตั้งตู้ที่เลี้ยงปอมปาดัวร์ในสถานที่ที่ไม่พลุกพล่าน เนื่องจากปลาจะเครียดเพระาปลาปอมปาดัวร์ตกใจง่าย
ระบบกรองน้ำ ปลาปอมปาดัวร์ชอบอาศัยในน้ำสะอาด ระบบกรองน้ำจะช่วยในเรื่องของการบำบัดน้และลดความถี่ในการเปลี่ยนน้ำตู้ปลาลง
น้ำ จากที่เคยกล่าวมาแล้วว่าปลาปอมปาดัวร์ชอบน้ำสะอาด ก่อนที่จะนำน้ำมาเลี้ยงควรมีการพักน้ำไว้ก่อนเพื่อให้คลอรีนระเหยออกไป หรืออาจจะใส่หัวทรายลงไปในน้ำและนำน้ำไปแตกแดดเพื่อเร่งให้คลอรีนระเหยเร็วขึ้น ปลาปอมปาดัวร์เป็นปลาที่ต้องดูแลคุณภาพน้ำเป็นพิเศษ ถ้าคุณภาพน้ำไม่ดีปลาจะเครียด ทำให้สีคล้ำ ป่วยและเสียชีวิตได้ ค่าของน้ำที่เหมาะสมคือ pH 6.4-7.5 อุณหภูมิ 25-32 องศาเซลเซียส ถ่ายน้ำ 10-20 % ทุกวันหรือ วันเว้นวัน
อาหาร ให้ในปริมาณที่ปลาอิ่มโดยการสังเกตุดู อาจจะให้วันละ 2 ครั้ง ที่สำคัญคือ อย่าให้อาหารเหลือ เพราะจำทำให้น้ำเสียง่าย อาหารที่ใช้ในการเลี้ยงปลาปอมปาดัวร์ใช้ได้ทั้งอาหารสดและอาหารสำเร็จรูป
เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วก็เซตระบบกรองโดย ใส่สิ่งต่างๆลงไปให้หมดจากนั้นนำปลาที่ทนๆมาเลี้ยงเพื่อให้ระบบกรองเซตตัว ซึ่งจะกินเวลาประมาณ 40 วัน แล้วจึ่งไปซื้อปลาปอมปาดัวร์มาเลี้ยง เมื่อซื้อปลามาแล้วก็ถุงที่ใส่ปลามาแช่ไว้ในน้ำประมาณ 30 นาทีแล้วจึ่งแกะถุงให้น้ำในตู้ไหลเข้ามาในถุง ปล่อยให้ปลาว่ายออกไปเอง(หลัง 30 นาที จะเทปลาลงไปเลยก็ได้แต่ค่อยๆให้ปลาออกไปเองดีกว่า)
การคัดเลือกพ่อ-แม่พันธุ์ การคัดเลือกพ่อ-แม่พันธุ์จัดได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญประการแรกในการเพาะพันธุ์ปลาปอมปาดัวร์ ในการคัดเลือกควรคำนึงถึงสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. ไม่ควรเลือกซื้อปลาจากร้านปลาสวยงามทั่วๆ ไป เนื่องจากปลาที่ซื้ออาจจะเป็นปลาที่แก่ไม่สามารถเพาะพันธุ์ได้แล้วหรือมีประสิทธิภาพในการเพาะพันธุ์ต่ำ ซึ่งโดยมากจะเป็นปลาที่ฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาปอมปาดัวร์คัดออกแล้วนำมาขายให้แก่ร้านปลาสวยงามทั่วไป ควรเลือกซื้อจากฟาร์มเพาะพันธุ์ปอมปาดัวร์ที่ไว้ใจได้และได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์แล้ว
2. ปลาที่เป็นพ่อ-แม่พันธุ์ควรเป็นปลาที่ไม่ได้ผ่านการย้อมสีเพราะฮอร์โมนที่ใช้ในการย้อมจะมีผลกับระบบสืบพันธุ์
3. ไม่ควรซื้อปลาขนาดใหญ่ เพราะไม่สามารถทราบถึงอายุที่แน่นอนและสุขภาพปลาได้ ควรซื้อปลาที่เรียกว่าขนาดเหรียญบาท ซึ่งมีอายุประมาณ 1-2 เดือน มาเลี้ยงเพื่อทราบถึงชีววิทยาปลา แต่ไม่ควรซื้อปลาจากครอกเดียวกัน หรือเลือกชนิดเพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการพันธุ์ต่ำ
4. ลูกปลาที่ซื้อควรมีลักษณะกลมตั้งแต่จงอยปากถึงครีบหลังควรโค้งงอ ไม่ลาดชันเป็นเส้นตรง กระโดงครีบหลังสูงและไม่หักลู่ สีของลำตัวเป็นสีน้ำตาลอ่อนไม่ควรจะเป็นสีดำ พยายามสังเกตดูลักษณะของปลาให้มีสุขภาพสมบูรณ์ ว่ายน้ำได้ว่องไว ไม่ตกใจกลัวคน
วิธีเพาะพันธุ์ปลาปอมปาดัวร์ เมื่อพ่อ-แม่ปลาเจริญเติบโตพร้อมที่จะผสมพันธุ์และวางไข่ ให้นำโดมสำหรับปลาวางไข่มาใส่ไว้ในตู้เพื่อเป็นการฝึกไม่ให้ปลาวางไข่ที่อื่น ซึ่งในการเพาะพันธุ์นี้ควรคำนึงถึงสิ่งสำคัญดังต่อไปนี้
1. ตู้ปลา ควรวางตู้ปลาชิดและขนานกับผนังห้องไม่ควรวางตู้ขวางออกมา เพราะจะทำให้ปลาตกใจหรือตื่นคนง่าย ตู้ที่นิยมทำการเพาะเลี้ยงจะมีขนาด 30 x 20 x 20 นิ้ว โดยทาสีฟ้าหรือสีเขียวอ่อน 3 ด้าน
2. แสงสว่าง ในขณะทำการเพาะไม่ควรให้แสงสว่างมาก ควรให้แสงสว่างแต่พอควร และในบริเวณที่เพาะไม่ควรมีคนพลุกพล่านนอกจากผู้ทำการเพาะเลี้ยง ควรระมัดระวังเกี่ยวกับคนเดินผ่านตู้เพาะ
3. ห้องเพาะพันธุ์ปลา ควรจะเป็นห้องที่แยกออกจากห้องเลี้ยงปลา เพราะแสงสว่างและช่วงเวลาการเปลี่ยนน้ำมักไม่ตรงกันจะทำให้เป็นการรบกวนปลา การวางโดมควรจะวางคนละมุมกับหัวพ่นฟองอากาศเพื่อป้องกันปลาตกใจและวางโดมให้ชิดผนังตู้ด้านหนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้ปลาติดหลังโดมทำให้ปลาตกใจได้
ในระหว่างการเพาะพันธุ์ ตัวเมียจะเห็นส่วนท้องอูมชัดเจน ก่อนปลาวางไข่ 3-4 วัน ปลาจะมีอาการสั่นทั้งตัวผู้และตัวเมีย ในวันที่ปลาวางไข่จะสามารถสังเกตได้โดยดูอาการทั้งตัวผู้และตัวเมีย จะไม่ยอมออกห่างจากโดมและช่วยกันแทะเล็มโดมเพื่อทำความสะอาดตลอดเวลา จากนั้นตัวเมียจะวางไข่บนโดมครั้งละ 15-30 ฟอง แล้วตัวผู้จะปล่อยน้ำเชื้อลงบนไข่ แม่ปลาจะใช้เวลาในการวางไข่ประมาณ 2 ชั่วโมง วางไข่ 100-300 ฟอง ไข่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 มม. ไข่จะมีสีเทาอมเหลือง ในบางครั้งไข่อาจจะมีสีเหลืองอมแดง เนื่องจากปลาปอมปาดัวร์ในประเทศไทยเลี้ยงด้วยไข่กุ้งทำให้มีผลต่อสีของไข่ หลังจากปลาผสมพันธุ์และวางไข่แล้วจึงใส่ยาปฏิชีวนะได้ Tetracyclin อัตราส่วน 2 เม็ด ต่อ 1 ตู้ ในระยะนี้ตัวผู้และตัวเมียจะว่ายวนเวียนโบกพัดน้ำไปยังไข่เพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนและไม่ให้สิ่งสกปรกตกลงบนไข่ จากนั้นนำตะแกรงตาถี่ขนาดช่องตาครึ่งเซนติเมตรมาครอบลงบนโดม ให้มีระยะห่างระหว่างโดมและตะแกรงประมาณ 2-3 เซนติเมตร เพื่อป้องกันปลาย้ายไข่ หรือถ้าปลาตกใจอาจจะกินไข่ได้ พร้อมกับนำตะแกรงขนาดช่องตา 1 นิ้ว กั้นแยกตัวผู้ออกจากตัวเมีย ซึ่งถ้าปลาวางไข่อีกจะกินไข่ที่วางไว้ก่อนแล้ว ทั้งยังป้องกันการกัดกันเพราะแย่งกันเลี้ยงลูก การแยกกันนี้จะต้องแยกให้ตัวเมียอยู่ใกล้กับไข่ เพราะจะทำให้ทั้งตัวผู้และตัวเมียสามารถมองเห็นไข่ที่วางติดโดมไว้ได้ เพื่อจะได้ไม่กินลูกปลา
วิธีอนุบาลลูกปลาปอมปาดัวร์
หลังจากแม่ปลาวางไข่ 3 วัน ลูกปลาจะฟักเป็นตัวแต่จะยังอยู่ในบริเวณเปลือกไข่ จะเห็นส่วนหางเต้นไปมา ส่วนหัวจะเป็นจุดสีดำในระยะนี้ ลูกปลาจะไม่กินอาหารเพราะมีถุงไข่อยู่บริเวณท้อง หลังจากนั้นอีก 3 วัน คือวันที่ 6 หลังจากปลาวางไข่ ลูกปลาจะเริ่มว่ายน้ำมาเกาะเพื่อกินเมือกบริเวณลำตัวพ่อแม่ปลา สีของลำตัวพ่อแม่ปลาจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นจนเกือบดำ พ่อแม่ปลาจะพยายามอมลูกปลาแล้วพ่นไปที่โดม ระยะนี้เป็นระยะที่สำคัญมาก ถ้าพ่อแม่ปลาตกใจจะกินลูกปลาเข้าไปเลย และควรระมัดระวังการให้อาหารพ่อแม่ปลา อย่าให้อาหารมากเพราะจะทำให้น้ำเสีย เนื่องจากจะไม่มีการเปลี่ยนน้ำในระยะนี้ ในวันที่ 7 มีการถ่ายน้ำพร้อมทั้งดูดสิ่งสกปรก ตะกอนออก ควรระมัดระวังลูกปลาจะติดไปด้วย เวลาดูดตะกอนให้เหลือน้ำอยู่ประมาณครึ่งตู้เท่านั้น ในวันที่ 8 ก้อค่อยๆ ดูดตะกอนและเริ่มเติมน้ำ โดยใช้สายยางเล็กๆ เหมือนกับการให้น้ำเกลือเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด โดยถ้าถ่ายน้ำออกตอนเช้าจะต้องเติมน้ำโดยใช้เวลา 8-10 ซม. จึงจะได้ระดับครึ่งตู้เท่ากับเมื่อวันที่ 7 และเปลี่ยนน้ำเช่นนี้ทุกวัน ในวันที่ 13 ลูกปลาเริ่มว่ายน้ำไปมาอย่างอิสระบ้าง แต่ยังกินเมือกของพ่อแม่ปลาเป็นอาหารอยู่ สามารถให้อาหารเสริมได้ คือ อาร์ทีเมียที่เพาะใหม่ๆ หรือลูกไรแดง การแยกลูกไรแดงออกจากไรแดงตัวโตสามารถทำได้โดยใช้กระชอนตาถี่ๆ ที่ลูกไรสามารถลอดออกมาได้ ไปช้อนไรแดงแล้วแกว่งในกะละมังที่มีน้ำอยู่ ลูกไรแดงจะหลุดออกมาอยู่ในกะละมัง แต่ไรแดงตัวโตจะไม่สามารถลอดออกมาได้ จากนั้นจึงใช้กระชอนตาถี่ที่เล็กกว่าขนาดของลูกไรแดงไปช้อนมาอีกที ก็จะได้แต่เฉพาะลูกไรแดงขึ้นมา การให้ลูกไรแดงควรระมัดระวังไรชนิดหนึ่ง(ไรหิน) ซึ่งมีลักษณะคล้ายไรแดงแต่มีเปลือกแข็ง คล้ายแมลงเปลือกแข็ง ถ้าลูกปลากินเข้าไปอาจตายได้ ในวันที่ 17 สามารถแยกแม่ปลาออกจากลูกปลาได้ในระยะนี้ และระยะนี้ซึ่งเรียกว่าระยะแกะออกจากแม่หรือขนาดเม็ดแตงโมสามาถนำลูกปลาไปขายได้ในราคาตัวละ 7-8 บาท หรือจะเลี้ยงต่อไปจนอายุ 1 เดือน จนถึงขนาดเหรียญบาทซึ่งมีราคาตัวละ 20-30 บาท ทั้งนี้แล้วแต่ความต้องการของตลาด ในระยะนี้ควรหัดให้ลูกปลากินไข่กุ้งเพื่อเป็นการเร่งสี ซึ่งจะทำให้ปลามีสีแดงขึ้นและขายได้ง่ายขึ้น พ่อแม่ปลาที่แยกออกจากลูกปลาในระยะที่ลูกปลามีอายุ 17 วันนั้นจะผสมพันธุ์วางไข่ได้อีก โดยใช้เวลาพักตัวประมาณ 1 อาทิตย์ในระยะพักตัวนี้ ควรให้อาหารเสริมจำพวกวิตามิน E, K หรือวิตามินรวม เนื่องจากในระยะเลี้ยงลูกปลา เราต้องในยาปฏิชีวนะตลอดเวลาเพื่อป้องกันโรคทำให้ปลาขาดวิตามิน E, K ซึ่งอาจทำให้ปลาตัวผู้มีโอกาสเป็นหมันและตัวเมียเป็นหมันชั่วคราวได้ โดยใส่วิตามิน E, K หรือวิตามินรวมลงไปในอาหารและแช่ทิ้งไว้ก่อนให้ประมาณ 20 นาที
ในบางครั้งเมื่อเพาะปลาจะประสบกับปัญหาไข่เสียไม่ฟักเป็นตัว ซึ่งมีสาเหตุอาจเนื่องมาจากตัวผู้มีน้ำเชื้อไม่ดี เพราะเพาะพันธุ์ถี่เกินไปหรือเพราะน้ำมีคลอรีน ผู้เพาะเลี้ยงปลาบางรายจึงมีปลาตัวผู้หลายตัวไว้สับเปลี่ยนกัน แต่ถ้าสับเปลี่ยนตัวผู้แล้วไข่ยังเสียติดต่อกัน 4-5 ครั้ง หรือเมื่อวางไข่แล้วไข่หลุดออกจากโดม ก็ควรพักพ่อแม่ปลาอย่างน้อย 1 เดือน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น